🕒 Tenses คืออะไร? สรุปครบ 12 Tenses ภาษาอังกฤษ เข้าใจง่ายในบทความเดียว

12 Tenses ภาษาอังกฤษ คือพื้นฐานสำคัญในการเรียนไวยากรณ์อังกฤษ หากคุณต้องการพูด อ่าน เขียน หรือสอบภาษาอังกฤษได้อย่างแม่นยำ การเข้าใจการใช้เทนส์แต่ละประเภทถือเป็นสิ่งจำเป็น บทความนี้จะสรุปให้ครบทั้ง 12 Tenses แบบเข้าใจง่าย พร้อมโครงสร้าง ประโยคตัวอย่าง และวิธีใช้งานในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับทั้งนักเรียน ครู และผู้ที่เตรียมสอบ TOEIC, IELTS หรือสอบเข้า ม.ปลาย-มหาวิทยาลัย

ทำไมต้องเรียนรู้ 12 Tenses ภาษาอังกฤษ?

การเข้าใจ 12 Tenses ในภาษาอังกฤษ จะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารได้ถูกต้องตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต โดยแต่ละเทนส์มีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น การเล่าข่าวในอดีต การพูดถึงกิจกรรมที่กำลังเกิดขึ้น หรือการคาดการณ์อนาคต การเรียนรู้โครงสร้างและตัวอย่างประโยคของแต่ละเทนส์จะช่วยให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

✅ Tenses มีทั้งหมดกี่ Tenses?

ในภาษาอังกฤษ Tenses หรือ “กาลของกริยา” มีทั้งหมด 12 Tenses ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ตามช่วงเวลา ได้แก่:

📌1. Present Tenses (กาลปัจจุบัน)

Present Tenses คือกลุ่มของ กาลในปัจจุบัน ที่ใช้บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในตอนนี้, เป็นนิสัย, เกิดซ้ำๆ, หรือ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันโดยมีทั้งหมด 4 แบบหลัก ดังนี้:

Present Simple

ใช้: บอกนิสัย ความเคยชิน หรือข้อเท็จจริงทั่วไป
โครงสร้าง: Subject + V1 (เติม s/es ถ้าประธานเอกพจน์)
ตัวอย่าง: She drinks coffee every morning.
(เธอดื่มกาแฟทุกเช้า)

Present Continuous

ใช้: สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้
โครงสร้าง: Subject + am/is/are + V-ing ข
ตัวอย่าง: I am studying English now.
(ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ตอนนี้)

Present Perfect

ใช้: เหตุการณ์ที่เกิดแล้วแต่มีผลถึงตอนนี้
โครงสร้าง: Subject + has/have + V3
ตัวอย่าง: She has finished her homework.
(เธอทำการบ้านเสร็จแล้ว)

Present Perfect Continuous

ใช้: สิ่งที่ทำต่อเนื่องตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
โครงสร้าง: Subject + has/have been + V-ing
ตัวอย่าง: They have been playing for an hour.
(พวกเขาเล่นมาแล้วหนึ่งชั่วโมง)

📌 2. Past Tenses (กาลอดีต)

Past Tenses คือกาลที่ใช้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีต หรือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน โดยมีทั้งหมด 4 แบบหลัก ดังนี้:

Past Simple

ใช้: เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต
โครงสร้าง: Subject + V2 (กริยาช่องที่ 2)
ตัวอย่าง: I visited my grandma yesterday.
(ฉันไปเยี่ยมคุณยายเมื่อวานนี้)

Past Continuous

ใช้: เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต
โครงสร้าง: Subject + was/were + V-ing
ตัวอย่าง: She was cooking when I arrived.
(เธอกำลังทำอาหารตอนที่ฉันมาถึง)

Past Perfect

ใช้: เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนอีกเหตุการณ์ในอดีต
โครงสร้าง: Subject + had + V3
ตัวอย่าง: He had finished his work before the meeting started.
(เขาทำงานเสร็จก่อนการประชุมจะเริ่ม)

Past Perfect Continuous

ใช้: เหตุการณ์ที่ดำเนินต่อเนื่องเป็นระยะเวลาก่อนเวลาในอดีต
โครงสร้าง: Subject + had been + V-ing
ตัวอย่าง: They had been waiting for hours before the train arrived.
(พวกเขารอมาเป็นชั่วโมงก่อนรถไฟจะมา)

📌 3. Future Tenses (กาลอนาคต)

Future Tenses คือกาลในภาษาอังกฤษที่ใช้พูดถึง เหตุการณ์ในอนาคต เช่น แผนการ คำทำนาย หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยแบ่งเป็น 4 แบบหลักดังนี้:

Future Simple

ใช้: บอกเหตุการณ์ทั่วไปในอนาคต
โครงสร้าง: Subject + will + V1
ตัวอย่าง: I will call you tomorrow.
(ฉันจะโทรหาคุณพรุ่งนี้)

Future Continuous

ใช้: เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งของอนาคต
โครงสร้าง: Subject + will be + V-ing
ตัวอย่าง: This time tomorrow, I will be traveling.
(เวลานี้พรุ่งนี้ ฉันจะกำลังเดินทาง)

Future Perfect

ใช้: เหตุการณ์ที่จะเสร็จสิ้นก่อนเวลาหนึ่งในอนาคต
โครงสร้าง: Subject + will have + V3
ตัวอย่าง: She will have finished her report by 5 PM.
(เธอจะทำรายงานเสร็จก่อน 5 โมงเย็น)

Future Perfect Continuous

ใช้: เหตุการณ์ที่ทำต่อเนื่องจนถึงเวลาหนึ่งในอนาคต
โครงสร้าง: Subject + will have been + V-ing
ตัวอย่าง: By next month, I will have been working here for 3 years.
(ภายในเดือนหน้า ฉันจะทำงานที่นี่ครบ 3 ปีแล้ว)


📊 ตารางสรุป 12 Tenses ภาษาอังกฤษ

ลำดับชื่อ Tenseโครงสร้าง (Structure)การใช้งาน (Usage)ตัวอย่างประโยค (Example)คำแปลไทย
1Present SimpleSubject + V1ใช้พูดถึงกิจวัตร ความจริง หรือสิ่งที่เกิดซ้ำๆI eat breakfast.ฉันกินอาหารเช้า
2Present ContinuousSubject + am/is/are + V-ingใช้พูดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นขณะพูดShe is reading.หล่อนกำลังอ่านหนังสือ
3Present PerfectSubject + has/have + V3ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและมีผลถึงปัจจุบันWe have finished our work.เราทำงานเสร็จแล้ว
4Present Perfect ContinuousSubject + has/have been + V-ingใช้พูดถึงสิ่งที่ทำมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันHe has been studying for 2 hours.เขาเรียนมา 2 ชั่วโมงแล้ว
5Past SimpleSubject + V2ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีตThey watched a movie.พวกเขาดูหนัง
6Past ContinuousSubject + was/were + V-ingใช้พูดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งI was cooking dinner.ฉันกำลังทำอาหารเย็น
7Past PerfectSubject + had + V3ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดก่อนอีกเหตุการณ์ในอดีตShe had left before I arrived.เธอไปแล้วก่อนฉันมาถึง
8Past Perfect ContinuousSubject + had been + V-ingใช้พูดถึงสิ่งที่ทำต่อเนื่องก่อนเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีตWe had been waiting for an hour.เรารอมา 1 ชั่วโมงแล้วตอนนั้น
9Future SimpleSubject + will + V1ใช้พูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตI will call you tomorrow.ฉันจะโทรหาคุณพรุ่งนี้
10Future ContinuousSubject + will be + V-ingใช้พูดถึงสิ่งที่จะกำลังเกิดขึ้น ณ เวลาหนึ่งในอนาคตHe will be driving at 6 PM.เขาจะกำลังขับรถตอน 6 โมงเย็น
11Future PerfectSubject + will have + V3ใช้พูดถึงสิ่งที่จะเสร็จก่อนเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคตThey will have arrived by noon.พวกเขาจะมาถึงก่อนเที่ยง
12Future Perfect ContinuousSubject + will have been + V-ingใช้พูดถึงสิ่งที่จะทำต่อเนื่องจนถึงเวลาหนึ่งในอนาคตShe will have been working for 5 years.เธอจะทำงานมาแล้ว 5 ปี

การเข้าใจ 12 Tenses ภาษาอังกฤษ เป็นกุญแจสำคัญในการสื่อสารอย่างถูกต้องและชัดเจน ไม่ว่าคุณจะต้องการเขียนบทความภาษาอังกฤษ พูดสนทนาในชีวิตประจำวัน หรือสอบวัดระดับ เช่น TOEIC, IELTS หรือการสอบในระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย การรู้ว่าแต่ละ Tense ใช้ในสถานการณ์ใด จะช่วยให้คุณใช้ภาษาได้อย่างมั่นใจและแม่นยำ

หากคุณกำลังเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษหรือทบทวนความรู้เก่า หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ โครงสร้าง 12 Tenses พร้อมทั้งการใช้งานในชีวิตจริงได้อย่างง่ายดาย อย่าลืมฝึกฝนผ่านแบบฝึกหัดหรือสร้างประโยคของตัวเองเพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น