🧠 Parts of Speech คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

Parts of Speech คือรากฐานของภาษาอังกฤษที่จำเป็นต่อการเรียนรู้และใช้งานภาษาอย่างถูกต้อง ไม่ว่าคุณจะเขียน อ่าน ฟัง หรือพูดภาษาอังกฤษ การเข้าใจชนิดของคำแต่ละประเภทจะช่วยให้คุณใช้ภาษาได้แม่นยำและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ Parts of Speech ทั้ง 8 ประเภท อย่างละเอียด พร้อมตัวอย่างการใช้งาน เทคนิคจำ และเคล็ดลับการเรียนรู้ เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้ได้จริง พร้อมรองรับการสอบทุกระดับ ตั้งแต่ระดับนักเรียนมัธยมจนถึงระดับมืออาชีพ

ประเภทของ Parts of Speech ทั้ง 8

Parts of Speech คือประเภทของคำ (word classes) ที่แบ่งตามหน้าที่ในการทำงานในประโยคภาษาอังกฤษ ซึ่งมีทั้งหมด 8 ประเภทหลัก ได้แก่ คำนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ คำกริยาวิเศษณ์ คำบุพบท คำสรรพนาม คำสันธาน และคำอุทาน การเข้าใจ Parts of Speech ช่วยให้เราสามารถ แต่งประโยคได้ถูกต้อง เข้าใจไวยากรณ์ และสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. Noun (คำนาม)

ใช้เรียกชื่อของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ หรือแนวคิด เช่น:

  • person (คน): teacher, doctor.
  • place (สถานที่): Bangkok, school
  • thing (สิ่งของ): book, table
  • idea (แนวคิด): freedom, love

ตัวอย่างประโยค: The teacher is reading a book.

2. Pronoun (คำสรรพนาม)

ใช้แทนคำนามเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ เช่น:

  • I, you, he, she, it, we, they
  • mine, yours, his, hers, ours, theirs

ตัวอย่าง: She is my friend. It is raining.

3. Verb (คำกริยา)

แสดงการกระทำ สถานะ หรือเหตุการณ์ เช่น:

  • Action verbs: run, eat, write, sing
  • State verbs: be, have, know, feel

ตัวอย่าง: He runs every morning. They are happy.

4. Adjective (คำคุณศัพท์)

ใช้ขยายหรืออธิบายคำนาม เช่น:

  • beautiful, tall, red, smart, old

ตัวอย่าง: She has a red dress. He is a smart boy.

5. Adverb (คำกริยาวิเศษณ์)

ขยายคำกริยา คำคุณศัพท์ หรือคำกริยาวิเศษณ์อื่น:

  • บอกวิธี: quickly, slowly
  • บอกเวลา: now, always
  • บอกระดับ: very, too

ตัวอย่าง: He runs quickly. She is very happy.

6. Preposition (คำบุพบท)

เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคำนามหรือสรรพนามกับคำอื่น เช่น:

  • in, on, at, under, over, with, about

ตัวอย่าง: The book is on the table. She lives in London.

7. Conjunction (คำสันธาน)

ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยค:

  • and, but, or, because, although, if

ตัวอย่าง: I like coffee and tea. She stayed home because it rained.

8. Interjection (คำอุทาน)

แสดงอารมณ์หรือเสียงร้องอย่างฉับพลัน เช่น:

  • Wow!, Oh!, Ouch!, Hurray!, Eh?

ตัวอย่าง: Wow! That’s amazing! Ouch! That hurts!

สรุปตาราง Parts of Speech

ประเภทหน้าที่ตัวอย่างคำ
Nounแสดงชื่อของคน/สิ่งของcat, Thailand, idea
PronounแทนคำนามI, he, they
Verbแสดงการกระทำหรือสถานะgo, is, eat
Adjectiveขยายคำนามblue, large, fast
Adverbขยายกริยา/คุณศัพท์quickly, very, sometimes
Prepositionเชื่อมคำนามกับคำอื่นon, in, with
Conjunctionเชื่อมคำหรือประโยคand, but, although
Interjectionแสดงอารมณ์Wow!, Oh!, Oops!

การเรียนรู้ Parts of Speech เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเข้าใจภาษาอังกฤษ หากคุณสามารถแยกแยะคำแต่ละประเภทได้ ก็จะสามารถแต่งประโยคได้ถูกต้องและสื่อสารได้อย่างมั่นใจ

อย่าลืมฝึกฝนด้วยการสังเกตคำในประโยคต่าง ๆ และลองจัดหมวดหมู่คำเหล่านั้นตาม Parts of Speech เพื่อพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง!